วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

“สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้

“แน่ะเธอ !  ที่สุดโลกแห่งใด 
อันสัตว์ไม่เกิด  ไม่แก่  ไม่ตาย  ไม่จุติ  ไม่อุบัติ;
เราไม่กล่าวว่า 
ใครๆ อาจรู้  อาจเห็น 
อาจถึงที่สุดแห่งโลกนั้น   ได้ด้วยการไป.

“แน่ะเธอ !   ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่ง  
ที่ยังประกอบด้วยสัญญาและใจนี้เอง, 
เราได้บัญญัติโลก,  
เหตุให้เกิดโลก,   
ความดับสนิทไม่เหลือของโลก, 
และทางดำเนินให้ถึงความดับสนิทไม่เหลือของโลกไว้” ดังนี้แล.

-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๖๐/๔๕. 




พุทธวจน ตามรอยธรรม ภพภูมิ

การบวชที่ไร้ประโยชน์

ภิกษุทั้งหลาย ! อาชีพต่ำที่สุด ในบรรดาอาชีพทั้งหลาย
คือการขอทาน.
ภิกษุทั้งหลาย ! คำสาปแช่งอย่างยิ่งในโลกนี้ คือ
คำสาปแช่งว่า “แกถือกระเบื้องในมือเที่ยวขอทานเถอะ” ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! กุลบุตรทั้งหลาย
เข้าถึงอาชีพนี้เป็นผู้เป็นไปในอำนาจแห่งประโยชน์
เพราะอาศัยอำนาจแห่งประโยชน์,
ไม่ใช่เป็นคนหนีราชทัณฑ์
ไม่ใช่เป็นคนขอให้โจรปล่อยตัวไปบวช
ไม่ใช่เป็นคนหนีหนี้ ไม่ใช่เป็นคนหนีภัย
ไม่ใช่เป็นคนไร้อาชีพ
, จึงบวช.
อีกอย่างหนึ่ง กุลบุตรนี้บวชแล้ว โดยที่คิดเช่นนี้ว่า
เราทั้งหลายเป็นผู้ถูกหยั่งเอาแล้ว
โดยชาติชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย
เป็นผู้อันความทุกข์หยั่งเอาแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว
ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏแก่เรา
ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! แต่ว่ากุลบุตรผู้บวชแล้วอย่างนี้
กลับเป็นผู้มากไปด้วยอภิชฌามีราคะแก่กล้าในกามทั้งหลาย
มีจิตพยาบาท
มีความดำริแห่งใจเป็นไปในทางประทุษร้าย
มีสติอันลืมหลงแล้ว
ไม่มีสัมปชัญญะ
มีจิตไม่ตั้งมั่นแล้ว
มีจิตหมุนไปผิดแล้ว
มีอินทรีย์อันตนไม่สำรวมแล้ว
.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือน
ดุ้นฟืนจากเชิงตะกอน ที่เผาศพ
ยังมีไฟติดอยู่ทั้งสอง
ตรงกลางก็เปื้อนอุจจาระ
ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในบ้านเรือนก็ไม่ได้
ย่อมใช้ประโยชน์เป็นไม้ในป่าก็ไม่ได้
,
ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวบุคคลนี้ว่ามีอุปมาเช่นนั้น; คือ
เป็นผู้เสื่อมจากโภคะแห่งคฤหัสถ์ด้วย,
ไม่ทำประโยชน์แห่งสมณะให้บริบูรณ์ด้วย
.

-บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๑๓/๑๖๗, ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๓๘/๓๓๐.

พุทธวจน ฆราวาสชั้นเลิศ
 

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สิ้นกิเลสก็แล้วกัน ไม่ต้องรู้ว่าสิ้นไปเท่าไร

ภิกษุทั้งหลาย !  เปรียบเหมือนรอยนิ้วมือหรือรอยนิ้วหัวแม่มือ
ย่อมปรากฏอยู่ที่ด้ามเครื่องมือของพวกช่างไม้ หรือลูกมือของพวกช่างไม้
แต่เขาก็ไม่มีความรู้ว่า
ด้ามเครื่องมือของเรา
วันนี้สึกไปเท่านี้
วานนี้สึกไปเท่านี้
วันอื่นๆ สึกไปเท่านี้ๆ 
คงรู้แต่ว่ามันสึกไปๆ เท่านั้น, นี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย !  เมื่อภิกษุตามประกอบภาวนาอยู่
ก็ไม่รู้อย่างนี้ว่า
วันนี้อาสวะของเราสิ้นไปเท่านี้
วานนี้สิ้นไปเท่านี้
วันอื่นๆ สิ้นไปเท่านี้ๆ
รู้แต่เพียงว่า สิ้นไปในเมื่อมันสิ้นไปๆ เท่านั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น.

-บาลี สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๒๗/๖๘.

พุทธวจน ก้าวย่างอย่างพุทธะ

ความอยาก (ตัณหา)คือ ต้นเหตุแห่งการทะเลาะวิวาท

เพราะอาศัยตัณหา (ความอยาก) จึงมี การแสวงหา (ปริเยสนา);
เพราะอาศัยการแสวงหา จึงมี การได้ (ลาโภ);
เพราะอาศัยการได้ จึงมี ความปลงใจรัก (วินิจฺฉโย);
เพราะอาศัยความปลงใจรัก จึงมี ความกำหนัดด้วยความพอใจ (ฉนฺทราโค);
เพราะอาศัยความกำหนัดด้วยความพอใจ จึงมี ความสยบมัวเมา (อชฺโฌสานํ);
เพราะอาศัยความสยบมัวเมา จึงมี ความจับอกจับใจ (ปริคฺคโห);
เพราะอาศัยความจับอกจับใจ จึงมี ความตระหนี่ (มจฺฉริยํ);
เพราะอาศัยความตระหนี่ จึงมี การหวงกั้น (อารกฺโข);
เพราะอาศัยการหวงกั้น จึงมี เรื่องราวอันเกิดจากการหวงกั้น (อารกฺขาธิกรณํ);
กล่าวคือ การใช้อาวุธไม่มีคม การใช้อาวุธมีคม
การทะเลาะ การแก่งแย่ง การวิวาท
การกล่าวคำหยาบว่า “มึง ! มึง !”
การพูดคำส่อเสียด
และการพูดเท็จทั้งหลาย :
ธรรมอันเป็นบาปอกุศลเป็นอเนก ย่อมเกิดขึ้นพร้อม
ด้วยอาการอย่างนี้.

-บาลี มหา. ที. ๑๐/๖๗/๕๘.

พุทธวจน ปฐมธรรม