วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หลักการดำรงชีพ เพื่อประโยชน์สุขในวันนี้

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้
เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่กุลบุตร
ในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรม).

๔ ประการ อย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :-

(๑) ความขยันในอาชีพ (อุฏฐานสัมปทา)
(๒) การรักษาทรัพย์ (อารักขสัมปทา)
(๓) ความมีมิตรดี (กัลยาณมิตตตา)
(๔) การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ (สมชีวิตา)

ความขยันในอาชีพ

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ความขยันในอาชีพ (อุฏฐานสัมปทา) เป็นอย่างไรเล่า ?
พ๎ยัคฆปชัชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ สำเร็จการเป็นอยู่

ด้วยการลุกขึ้นกระทำการงาน คือด้วยกสิกรรม หรือวานิชกรรม

โครักขกรรม อาชีพผู้ถืออาวุธ อาชีพราชบุรุษ หรือด้วย
ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ในอาชีพนั้นๆ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ไม่เกียจคร้าน ประกอบด้วยการสอดส่องในอุบายนั้นๆ
สามารถกระทำ สามารถจัดให้กระทำ.
พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า ความขยันในอาชีพ.

การรักษาทรัพย์

พ๎ยัคฆปัชชะ ! การรักษาทรัพย์ (อารักขสัมปทา) เป็นอย่างไรเล่า ?
พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้, โภคทรัพย์
อันกุลบุตรหาได้มาด้วยความเพียร เป็นเครื่องลุกขึ้น
รวบรวมมาด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็น
โภคทรัพย์ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม, เขารักษา
คุ้มครองอย่างเต็มที่ ด้วยหวังว่า “อย่างไรเสียพระราชา
จะไม่ริบทรัพย์ของเราไป โจรจะไม่ปล้นเอาไป ไฟจะไม่ไหม้
นํ้าจะไม่พัดพาไป ทายาทอันไม่รักใครเล่า จะไม่ยื้อแย่งเอาไป” ดังนี้.
พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า การรักษาทรัพย์.

ความมีมิตรดี

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ความมีมิตรดี (กัลยาณมิตตตา) เป็นอย่างไรเล่า ?

พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ อยู่อาศัย
ในบ้านหรือนิคมใด, ถ้ามีบุคคลใดๆ ในบ้านหรือนิคมนั้น
เป็นคหบดีหรือบุตรคหบดีก็ดี เป็นคนหนุ่ม 
ที่เจริญด้วยศีลหรือเป็นคนแก่ที่เจริญด้วยศีลก็ดี ล้วนแต่ถึงพร้อมด้วย
ศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล ถึงพร้อมด้วยจาคะ ถึงพร้อม
ด้วยปัญญา อยู่แล้วไซร้, 

กุลบุตรนั้นก็ดำรงตนร่วมพูดจาร่วม สากัจฉาร่วม กับชนเหล่านั้น.
เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยศรัทธาโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา.
เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยศีลโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยศีล.
เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยจาคะโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ.
เขาติดตามศึกษาความถึงพร้อมด้วยปัญญาโดยอนุรูป แก่บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา อยู่ในที่นั้นๆ.
พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เรียกว่า ความมีมิตรดี.

การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ

พ๎ยัคฆปัชชะ ! การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ (สมชีวิตา) เป็นอย่างไรเล่า ?
พ๎ยัคฆปัชชะ ! กุลบุตรในกรณีนี้ รู้จักความ
ได้มาแหง่ โภคทรัพย์รู้จักความสิ้นไปแห่ง โภคทรัพย์แล้ว
ดำรงชีวิตอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไมฟุ่มเฟือยนัก ไม่ฝืดเคืองนัก
โดยมีหลักว่า “รายได้ของเราจักท่วมรายจ่าย และรายจ่าย
ของเราจักไม่ท่วมรายรับ ด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! เปรียบเหมือนคนถือตาชั่ง หรือ
ลูกมือของเขา ยกตาชั่งขึ้นแล้ว ก็รู้ว่า “ยังขาดอยู่เท่านี้
หรือเกินไปแล้วเท่านี้” ดังนี้ฉันใด; กุลบุตรนี้ ก็ฉันนั้น :
เขารู้จักความได้มาแห่งโภคทรัพย์ รู้จักความสิ้นไปแห่ง
โภคทรัพย์แล้ว ดำรงชีวิตอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ฟุ่มเฟือยนัก
ไม่ฝืดเคืองนัก โดยมีหลักว่า “รายได้ของเราจักท่วมรายจ่าย
และรายจ่ายของเราจักไมท่วมมรายรับ ด้วยอาการอย่างนี้”
ดังนี้.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! ถ้ากุลบุตรนี้เป็นผู้มีรายได้น้อย
แต่สำเร็จการเป็นอยู่อย่างฟุ่มเฟือยแล้วไซร้ ก็จะมีผู้กล่าวว่า
กุลบุตรนี้ใช้จ่ายโภคทรัพย์ (อย่างสุรุ่ยสุร่าย) เหมือนคนกิน
ผลมะเดื่อ ฉันใดก็ฉันนั้น.

พ๎ยัคฆปัชชะ ! แต่ถ้ากุลบุตร เป็นผู้มีรายได้
มหาศาล แต่สำเร็จการเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นแล้วไซร้ ก็
จะมีผู้กล่าวว่า กุลบุตรนี้จักตายอดตายอยากอย่างคนอนาถา.
พ๎ยัคฆปัชชะ ! เมื่อใด กุลบุตรนี้ รู้จักความได้มา
แห่งโภคทรัพย์รู้จักความสิ้นไปแห่งโภคทรัพย์แล้วดำรง
ชีวิตอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ฝืดเคืองนัก โดย
มีหลักว่า “รายได้ของเราจักท่วมรายจ่าย และรายจ่ายของเรา
จักไม่ท่วมรายรับ ด้วยอาการอย่างนี้” ดังนี้;

พ๎ยัคฆปัชชะ ! นี้เราเรียกว่า การดำรงชีวิตสม่ำเสมอ.
พ๎ยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล
เป็นธรรม เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
ของกุลบุตร ในทิฏฐธรรม.

อฎฐก. อํ. ๒๓/๒๘๙-๒๙๓/๑๔๔.

พุทธวจน อารักขสัมปทา

พุทธวจน อุฎฐานสัมปทา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น