วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

ผลจากความไม่มีธรรมะของมนุษย์ (อย่างหนัก)

ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อพระราชา มีการกระทำ ชนิด
ที่เป็นไปแต่เพียงเพื่อการคุ้มครองอารักขา,
แต่มิได้เป็นไปเพื่อการกระทำให้เกิดทรัพย์ แก่บุคคลผู้ไม่มีทรัพย์ทั้งหลาย
ดังนั้นแล้ว ความยากจนขัดสน ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง
แรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะความยากจนขัดสนเป็นไปอย่างกว้างขวาง
แรงกล้าถึงที่สุด อทินนาทาน (ลักทรัพย์) ก็เป็นไปอย่าง
กว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะอทินนาทานเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด การใช้ศัสตราวุธโดยวิธีการต่างๆ ก็เป็นไปอย่าง
กว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะการใช้ศัสตราวุธโดยวิธีการต่างๆ เป็นไป
อย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด ปาณาติบาต (ซึ่งหมายถึง
การฆ่ามนุษย์ด้วยกัน) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึง
ที่สุด;
เพราะปาณาติบาตเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด มุสาวาท (การหลอกลวงคดโกง) ก็เป็นไปอย่าง
กว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาจาก ๘ หมื่นปี
เหลือเพียง ๔ หมื่นปี)
เพราะมุสาวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด ปิสุณาวาท (การพูดจายุแหย่เพื่อการแตกกันเป็นก๊ก
เป็นหมู่ ทำลายความสามัคคี) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด;
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๒ หมื่นปี)
เพราะปิสุณาวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด กาเมสุมิจฉาจาร (การทำชู้ การละเมิดของรักของ
บุคคลอื่น) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๑ หมื่นปี)
เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นไปอย่างกว้างขวาง
แรงกล้าถึงที่สุด ผรุสวาท และ สัมผัปปลาปวาท (การใช้
คำหยาบ และคำพูดเพ้อเจ้อเพื่อความสำราญ) ก็เป็นไปอย่าง
กว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๕ พันปี)
เพราะผรุสวาทและสัมผัปปลาปวาทเป็นไป
อย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด อภิชฌาและพยาบาท
(แผนการกอบโกย และการทำลายล้าง) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง
แรงกล้าถึงที่สุด;
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๒,๕๐๐-
๒,๐๐๐ ปี)
เพราะอภิชฌาและพยาบาทเป็นไปอย่างกว้างขวาง
แรงกล้าถึงที่สุด มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดชนิดเห็นกงจักร
เป็นดอกบัว นิยมความชั่ว) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด;
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๑,๐๐๐ ปี)
เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า
ถึงที่สุด (อกุศล) ธรรมทั้งสาม คือ อธัมมราคะ (ความยินดี
ที่ไม่เป็นธรรม) วิสมโลภะ (ความโลภไม่สิ้นสุด) มิจฉาธรรม
(การประพฤติตามอำนาจกิเลส) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง
แรงกล้าถึงที่สุด (อย่างไม่แยกกัน);
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๕๐๐ ปี)
เพราะ (อกุศล) ธรรม ทั้งสาม ... นั้นเป็นไปอย่าง
กว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด (อกุศล) ธรรมทั้งหลาย คือ
ไม่ปฏิบัติอย่างถูกต้องในมารดา, บิดา, สมณพราหมณ์
ไม่มี กุลเชฏฐาปจายนธรรม (ความอ่อนน้อมตามฐานะสูง ต่ำ )
ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด.
(ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๒๕๐-
๒๐๐-๑๐๐ ปี)
สมัยนั้น จักมีสมัยที่มนุษย์มีอายุขัยลดลงมา
เหลือเพียง ๑๐ ปี (จักมีลักษณะแห่งความเสื่อมเสียมีประการ
ต่างๆ ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า) : หญิงอายุ ๕ ปี ก็มีบุตร;
รสทั้งห้า คือเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และ
รสเค็ม ก็ไม่ปรากฏ;
มนุษย์ทั้งหลาย กินหญ้าที่เรียกว่า
กุท๎รูสกะ (ซึ่งนิยมแปลกันว่าหญ้ากับแก้) แทนการกินข้าว;
กุศลกรรมบถหายไป ไม่มีร่องรอย, อกุศลกรรมบถ
รุ่งเรืองถึงที่สุด;
ในหมู่มนุษย์ ไม่มีคำพูดว่ากุศล จึงไม่มีการทำกุศล;
มนุษย์สมัยนั้น จักไม่ยกย่องสรรเสริญ ความ
เคารพเกื้อกูลต่อมารดา (มัตเตยยธรรม), ความเคารพ
เกื้อกูลต่อบิดา (เปตเตยยธรรม), ความเคารพเกื้อกูลต่อ
สมณะ (สามัญญธรรม), ความเคารพเกื้อกูลต่อพราหมณ์
(พรหมัญญธรรม), และกุลเชฏฐาปจายนธรรม, เหมือนอย่าง
ที่มนุษย์ยกย่องกันอยู่ในสมัยนี้;
ไม่มีคำพูดว่า แม่ น้าชาย น้าหญิง พ่อ อา ลุง ป้า ภรรยาของอาจารย์ และคำพูดว่า
เมียของครู; สัตว์โลกจักกระทำการสัมเภท (สมสู่สำส่อน)
เช่นเดียวกันกับแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก;
ความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดฆ่า
เป็นไปอย่างแรงกล้า แม้ในระหว่างมารดากับบุตร บุตรกับ
มารดา บิดากับบุตร บุตรกับบิดา พี่กับน้อง น้องกับพี่ ทั้งชาย
และหญิง เหมือนกับที่นายพรานมีความรู้สึกต่อเนื้อทั้งหลาย.
ในสมัยนั้น จักมี สัตถันตรกัปป์ (การใช้ศัสตราวุธ
ติดต่อกันไม่หยุดหย่อน) ตลอดเวลา ๗ วัน : สัตว์ทั้งหลาย
เหล่านั้น จักมีความสำคัญแก่กันและกัน ราวกะว่า
เนื้อ; แต่ละคนมีศัสตราวุธในมือ ปลงชีวิตซึ่งกันและ
กันราวกะว่า ฆ่าปลา ฆ่าเนื้อ.
(มีมนุษย์หลายคน ไม่เข้าร่วมวงสัตถันตรกัปป์ด้วย
ความกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในที่ที่พอจะซ่อนตัวได้ตลอด ๗ วัน
แล้วกลับออกมาพบกันและกัน ยินดีสวมกอดกัน กล่าวแก่กันและ
กันในที่นั้นว่า มีโชคดีที่รอดมาได้ แล้วก็ตกลงกันในการตั้งต้น
ประพฤติธรรมกันใหม่ต่อไป ชีวิตมนุษย์ก็ค่อยเจริญขึ้น จาก ๑๐ ปี
ตามลำดับๆ จนถึงสมัย ๘ หมื่นปี อีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเป็นสมัย
แห่งศาสนาของพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า เมตเตยยสัมมาสัมพุทธะ).
ปา. ที. ๑๑/๗๐-๘๐/๓๙-๔๗.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น