วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง


ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง (อนิจฺจ).
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน (อธว).
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้ (อนสฺสาสิก).
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! ขุนเขาสิเนรุ โดยยาว ๘๔,๐๐๐โยชน์ ๑ โดยกว้าง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ หยั่งลงในมหาสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สูงขึ้นจากผิวพื้นสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ :-
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี
หลายพันปี หลายแสนปี ที่ฝนไม่ตกเลย. เมื่อฝนไม่ตก
(ตลอดเวลาเท่านี้) ป่าใหญ่ ๆ อันประกอบด้วยพีชคาม
ภูตคาม ไม้ หยูกยาและหญ้าทั้งหลาย ย่อมเฉา ย่อมเหี่ยวแห้ง
มีอยู่ไม่ได้ (นี้ฉันใด) ;
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงฉันนั้น, สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย
เป็นสิ่งที่หวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้
ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะ
คลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่สอง ย่อมปรากฏ.
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่สองปรากฏ, แม่น้ำน้อย หนองบึง
ทั้งหมดก็งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด) ; ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขาร
ทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืนฉันนั้น,
สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย !
เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง
พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่สาม ย่อมปรากฏ.
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่สามปรากฏ, แม่น้ำสายใหญ่ ๆ เช่น
แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ ทั้งหมดก็งวดแห้งไป
ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง
ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้
ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้ว
เพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่สี่ ย่อมปรากฏ.
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่สี่ปรากฏ, มหาสระทั้งหลาย อันเป็น
ที่เกิดแห่งแม่น้ำใหญ่ ๆ เช่นแม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู
มหิ มหาสระเหล่านั้นทั้งหมดก็งวดแห้งไป ไม่มีอยู่ (นี้ฉันใด);
ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย
ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้
ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายใน
สังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะ
ปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่ห้า ย่อมปรากฏ.
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ห้าปรากฏ, น้ำในมหาสมุทรอันลึกร้อยโยชน์ ก็งวดลง น้ำในมหาสมุทรอันลึก สอง - สาม - สี่ - ห้า -
หก - เจ็ดร้อยโยชน์ก็งวดลง เหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่วต้นตาล ก็มีเหลืออยู่เพียงหก - ห้า - สี่ - สาม -สอง กระทั่งหนึ่งชั่วต้นตาล
ก็มี งวดลงเหลืออยู่เพียงเจ็ดชั่วบุรุษ ก็มี เหลืออยู่เพียงหก -
ห้า - สี่ - สาม – สอง-หนึ่ง กระทั่งครึ่งชั่วบุรุษ ก็มี งวดลง
เหลืออยู่เพียงแค่สะเอว เพียงแค่เข่า เพียงแค่ข้อเท้า กระทั่ง
เหลืออยู่ ลึกเท่าน้ำในรอยเท้าโค ในที่นั้น ๆ เช่นเดียวกับน้ำ
ในรอยเท้าโคเมื่อฝนเม็ดใหญ่เริ่มตกในฤดูสารทลงมา
ในที่นั้น ๆ.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพราะการปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่ห้า
น้ำในมหาสมุทรไม่มีอยู่แม้สักว่าองคุลีเดียว(นี้ฉันใด);
ภิกษุ ทั้งหลาย !สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน
ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง
พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่หก ย่อมปรากฏ.
เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่หก, มหาปฐพีนี้และ
ขุนเขาสิเนรุ ก็มีควันขึ้น ยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น เปรียบเหมือน
เตาเผาหม้อ อันนายช่างหม้อสุมไฟแล้ว ย่อมมีควันขึ้นโขมงยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ฉะนั้น (นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย
ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืน ฉันนั้น, สังขาร
ทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียง
เท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้ว
เพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.

ภิกษุ ทั้งหลาย ! มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบางคราวโดย
การล่วงไปแห่งกาลนานไกล อาทิตย์ดวงที่เจ็ด ย่อมปรากฏ.
เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่เจ็ด, มหาปฐพีนี้และ
ขุนเขาสิเนรุ ย่อมมีไฟลุกโพลง ๆ มีเปลวเป็นอันเดียวกัน.
เมื่อมหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุ อันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่อย่างนี้
เปลวไฟถูกลมซัดขึ้นไป จนถึงพรหมโลก. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เมื่อ
ขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่ วินาศอยู่ อันกองไฟ
ท่วมทับแล้ว, ยอดทั้งหลายอันสูงร้อยโยชน์บ้าง สอง - สาม -
สี่ - ห้าร้อยโยชน์บ้าง ก็พังทำลายไป. ภิกษุ ทั้งหลาย ! เมื่อ
มหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุอันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่, ขี้เถ้าและ
เขม่าย่อมไม่ปรากฏ เหมือนเมื่อเนยใส หรือน้ำมันถูกเผา
ขี้เถ้าและเขม่าย่อมไม่ปรากฏ ฉะนั้น(นี้ฉันใด); ภิกษุ ทั้งหลาย !
สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย ไม่ยั่งยืนฉันนั้น, สังขารทั้งหลาย เป็นสิ่งหวังอะไรไม่ได้ ฉันนั้น.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขาร
ทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลายกำหนัด พอแล้วเพื่อจะปล่อยวาง.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! ในข้อความนั้น ใครจะคิด ใครจะเชื่อ
ว่า “ปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุจักลุกไหม้ จักวินาศ จักสูญสิ้น
ไปได้” นอกเสียจาก พวกมีบทอันเห็นแล้ว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น