วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความมีขึ้นแห่งภพ (นัยที่ ๒)

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! พระผูมี้พระภาคเจ้ากล่าวอยู่ว่า
‘ภพ–ภพ’ ดังนี้ ภพ ย่อมมีได้
ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า พระเจ้าข้า !

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีกามธาตุเป็นวิบาก
จักไม่ได้มีแล้วไซร้
กามภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ ?
หามิได้ พระเจ้าข้า !
อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ
กรรมจึงเป็นเนื้อนา
วิญญาณเป็นเมล็ดพืช
ตัณหาเป็นยางของพืช (สำหรับหล่อเลี้ยงเชื้องอก)
ความเจตนาก็ดี
ความปรารถนาก็ดี
ของสัตว์ทั้งหลาย
ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นทราม (กามธาตุ)
การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป
ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้.

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีรูปธาตุเป็นวิบาก
จักไม่ได้มีแล้วไซร้
รูปภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ ?
หามิได้ พระเจ้าข้า !
อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ
กรรมจึงเป็นเนื้อนา
วิญญาณเป็นเมล็ดพืช
ตัณหาเป็นยางของพืช
ความเจตนาก็ดี
ความปรารถนาก็ดี
ของสัตว์ทั้งหลาย
ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นกลาง (รูปธาตุ)
การบังเกิดขึ้นในภพใหม่ต่อไป
ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้.

อานนท์ ! ถ้ากรรมมีอรูปธาตุเป็นวิบาก
จักไม่ได้มีแล้วไซร้
อรูปภพ จะพึงปรากฏได้แลหรือ ?
หามิได้ พระเจ้าข้า !
อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ
กรรมจึงเป็นเนื้อนา
วิญญาณเป็นเมล็ดพืช
ตัณหาเป็นยางของพืช
ความเจตนาก็ดี
ความปรารถนาก็ดีของสัตว์ทั้งหลาย
ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
ตั้งอยู่แล้วด้วยธาตุชั้นประณีต (อรูปธาตุ)
การบังเกิดขึ้นในภพใหมต่อ ไป
ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้.

อานนท์ ! ภพ ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้แล.
ติก. อํ. ๒๐/๒๘๘/๕๑๗.

1 ความคิดเห็น: