ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติสมาธินี้แล
อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นของรำงับ
เป็นของประณีต เป็นของเย็น
เป็นสุขวิหาร และย่อมยังอกุศลธรรมอันเป็นบาป อันเกิดขึ้นแล้ว
และเกิดขึ้นแล้ว ให้อันตรธานไป ให้รำงับไป โดยควรแก่ฐานะ.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนฝุ่นธุลีฟุ้งขึ้นแห่งเดือนสุดท้ายของฤดูร้อน
ฝนหนักที่ผิดฤดูตกลงมา
ย่อมทำฝุ่นธุลีเหล่านั้นให้อันตรธานไป
ให้รำงับไปได้ โดยควรแก่ฐานะ, ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติสมาธิ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ก็เป็นของระงับ เป็นของประณีต เป็นของเย็น
เป็นสุขวิหาร และย่อมยังอกุศลธรรมอันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว
และเกิดขึ้นแล้ว ให้อันตรธานไป
ให้รำงับไปได้ โดยควรแก่ฐานะได้ ฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย ! ก็อานาปานสติสมาธิ
อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว อย่างไรเล่า ?
ที่เป็นของรำงับ เป็นของประณีต เป็นของเย็น
เป็นสุขวิหาร และย่อมยังอกุศลธรรม
อันเป็นบาปที่เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นแล้ว ให้อันตรธานไป
ให้รำงับไปได้ โดยควรแก่ฐานะได้.
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม
ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว
ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น; ภิกษุนั้นมีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก :
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว,
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว;
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น,
เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น;
(แต่นี้ได้ตรัสไว้อย่างเดียวกัน ซึ่งเหมือนใน พระสูตร ทุกประการ).
ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติสมาธิ
อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ด้วยอาการอย่างนี้
ย่อมเป็นของรำงับ เป็นของประณีต เป็นของเย็น
เป็นสุขวิหาร และย่อมยังอกุศลธรรมอันเป็นบาป
ที่เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นแล้ว ให้อันตรธานไป
ให้รำงับไปได้ โดยควรแก่ฐานะ ดังนี้ แล.
-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๐๖/๑๓๕๒.
-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๐๗/๑๓๕๒.
-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๐๗/๑๓๕๓.
-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๐๗/๑๓๕๔.
-บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๐๘/๑๓๕๔.
-บาลี มหา. วิ. ๑/๑๒๘/๑๗๖.
-บาลี มหา. วิ. ๑/๑๒๙/๑๗๖.
-บาลี มหา. วิ. ๑/๑๓๐/๑๗๖.
-บาลี มหา. วิ. ๑/๑๓๐/๑๗๗.
-บาลี มหา. วิ. ๑/๑๓๑/๑๗๗.
-บาลี มหา. วิ. ๑/๑๓๑/๑๗๘.
🙏🙏🙏
ตอบลบ