เกิดความเดือนร้อนแล้ว มีผัสสะบังหน้า
ย่อมกล่าวซึ่งโรคนั้น โดยความเป็นตน
เขาสำคัญสิ่งใด โดยความเป็นประการใด
แต่สิ่งนั้นย่อมเป็นโดยประการอื่น จากที่เขาสำคัญนั้น.
สัตว์โลกติดข้องอยู่ในภพ ถูกภพบังหน้าแล้ว
มีภพโดยความเป็นอย่างอื่น
จึงได้เพลิดเพลินยิ่งนักในภพนั้น.
เขาเพลิดเพลินยิ่งนักในสิ่งใด สิ่งนั้นก็เป็นภัย
เขากลัวต่อสิ่งใด สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์.
พรหมจรรย์นี้
อันบุคคลย่อมประพฤติ ก็เพื่อการละขาดซึ่งภพ นั้นเอง.
สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหลายเหล่าใด
กล่าวความหลุดพ้นจากภพ ว่ามีได้เพราะ ภพ;
เรากล่าวว่า สมณะทั้งปวงนั้น มิใช่ผู้หลุดพ้นจากภพ.
ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหลายเหล่าใด
กล่าวความออกไปได้จากภพ ว่ามีได้เพราะ วิภพ;
เรากล่าวว่า สมณะหรือพราหมณ์ทั้งปวงนั้น
ก็ยังสลัดภพออกไปไม่ได้.
ก็ทุกข์นี้เกิดขึ้นเพราะอาศัยซึ่ง อุปธิ ทั้งปวง.
ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ ไม่มี
ก็เพราะความสิ้นไปแห่งอุปาทานทั้งปวง.
ท่านจงดูโลกนี้เถิด(จะเห็นว่า) สัตว์ทั้งหลาย
อันอวิชชาหนาแน่นบังหน้าแล้ว;
และว่าสัตว์ผู้ยินดีในภพ อันเป็นแล้วนั้น
ย่อมไม่เป็นผู้หลุดพ้นไปจากภพได้.
ก็ภพทั้งหลายเหล่าหนึ่งเหล่าใด
อันเป็นไปในที่หรือในเวลาทั้งปวง
เพื่อความมีแห่งประโยชน์โดยประการทั้งปวง;
ภพทั้งหลายทั้งหมดนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา.
เมื่อบุคคลเห็นอยู่ซึ่งข้อนั้น
ด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง อย่างนี้อยู่;
เขาย่อมละภวตัณหาได้
และไม่เพลิดเพลินซึ่งวิภวตัณหาด้วย.
ความดับเพราะความสำรอกไม่เหลือ
เพราะความสิ้นไปแห่งตัณหาโดยประการทั้งปวง
นั้นคือ นิพพาน.
ภพใหม่ย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้น ผู้ดับเย็นสนิทแล้ว
เพราะไม่มีความยึดมั่น.
ภิกษุนั้นเป็นผู้ครอบงำมารได้แล้ว
ชนะสงครามแล้วก้าวล่วงภพทั้งหลายทั้งปวงได้แล้ว
เป็นผู้คงที่ ดังนี้แล.
บาลี อุ. ขุ. ๒๕/๑๒๑/๘๔.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น