วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

การบริโภคกามคุณทั้ง ๕ อย่างไม่มีโทษ

ภิกษุทั้งหลาย !  กามคุณเหล่านี้มี ๕ อย่าง.
๕ อย่าง อย่างไรเล่า ? ๕ อย่าง คือ :-
รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู,
กลิ่นที่ดมด้วยจมูก,
รสที่ลิ้มด้วยลิ้น
และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยผิวกาย
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ
มีลักษณะน่ารัก
เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด.
ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณมี ๕ อย่าง เหล่านี้แล.
ภิกษุทั้งหลาย !  ชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม
ติดอกติดใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้แล้ว
ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
ทำการบริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่;
ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า
เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ
แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจอย่างใด ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย !  เปรียบได้ดังเนื้อป่าที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในกองบ่วง
ในลักษณะที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่ามันจะถึงซึ่งความพินาศย่อยยับ
เป็นไปตามความประสงค์ของพรานทุกประการ,
เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ดังนี้,
ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุทั้งหลาย !  ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม
ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ เหล่านี้แล้ว
มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่
เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
บริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่;
ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า
เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ
ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย !   ปรียบเหมือนเนื้อป่าตัวที่ไม่ติดบ่วง
แม้นอนจมอยู่บนกองบ่วง
มันก็เป็นสัตว์ที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่า
เป็นสัตว์ที่ไม่ถึงความพินาศย่อยยับไปตามความประสงค์ของพรานแต่อย่างใด,
เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหลีกหนีไปได้ตามที่ต้องการ ดังนี้,
ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุทั้งหลาย !   (อีกอย่างหนึ่ง)
เปรียบเหมือนเนื้อป่า เที่ยวไปในป่ากว้าง
เดินอยู่ก็สง่างาม
ยืนอยู่ก็สง่างาม หมอบอยู่ก็สง่างาม นอนอยู่ก็สง่างาม.
เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย !
เพราะเหตุว่าเนื้อป่านั้นยังไม่มาสู่คลองแห่งจักษุของพราน,
ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย !   ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน :
สงัดแล้วจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย
เข้าถึงซึ่งปฐมฌาณ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า
ได้ทำมารให้เป็นผู้ตาบอดไม่มีร่องรอย
กำจัดเสียแล้วซึ่งจักษุแห่งมาร
ไปแล้วสู่ที่ซึ่งมารผู้มีบาปมองไม่เห็น.
    (ต่อไปนี้ ได้ตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาน-ตติยฌาน- จตุตถฌาน-อากาสานัญจายตนะ-วิญญาณัญจายตนะ- อากิญจัญญายตนะ-เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยนัยเดียวกันกับการบรรลุปฐมฌาน เป็นลำดับไป, จนกระทั่งถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ โดยข้อความสืบต่อไปว่า :-)

ภิกษุทั้งหลาย !   ยิ่งไปกว่านั้นอีก :
ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง
เข้าถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่.
อนึ่ง เพราะเห็นแล้วด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ.
ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุนี้เรากล่าวว่า
ได้ทำมารให้เป็นผู้ตาบอด ไม่มีร่องรอย
กำจัดเสียแล้วซึ่งจักษุแห่งมารไปแล้วสู่ที่ซึ่งมารผู้มีบาปมองไม่เห็น,
ได้ข้ามแล้วซึ่งตัณหาในโลก.
ภิกษุนั้นยืนอยู่ก็สง่างาม เดินอยู่ก็สง่างาม
นั่งอยู่ก็สง่างาม นอนอยู่ก็สง่างาม.
เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย !  
เพราะเหตุว่า
ภิกษุนั้นไม่ได้มาสู่คลองแห่งอำนาจของมารผู้มีบาป, ดังนี้แล.

บาลี มู. ม. ๑๒/๓๓๑/๓๒๗.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น