วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ให้พึ่งตน พึ่งธรรม

อานนท์ ! เราได้กล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วมิใช่
หรือว่า
“ความเป็นต่าง ๆ
ความพลัดพราก
ความเป็นอย่างอื่น
จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ย่อมมี;
อานนท์ !ข้อนั้น จักได้มาแต่ไหนเล่า :
สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว
เป็นแล้ว
อันปัจจัยปรุงแล้ว
มีความชำรุดไปเป็นธรรมดา,
สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย ดังนี้;
ข้อนั้น ย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้”.

อานนท์ ! เปรียบเหมือนเมื่อต้นไม้ใหญ่
มีแก่นเหลืออยู่
ส่วนใดเก่าคร่ำกว่าส่วนอื่น
ส่วนนั้นพึงย่อยยับไปก่อน,
ข้อนี้ ฉันใด;
อานนท์ ! เมื่อภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
มีธรรมเป็นแก่นสารเหลืออยู่,
สารีบุตรปรินิพพานไปแล้ว
ฉันนั้นเหมือนกัน.
อานนท์ ! ข้อนั้น จักได้มาแต่ไหนเล่า :
สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว
เป็นแล้ว
อันปัจจัยปรุงแล้ว
มีความชำรุดไปเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย ดังนี้;
ข้อนั้น ย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้.

อานนท์ ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้
พวกเธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป
มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ.
อานนท์ ! ภิกษุ มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ,
มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะนั้น
เป็นอย่างไรเล่า ?

อานนท์ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นกายในกายเนือง ๆ อยู่,
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายเนือง ๆ อยู่,
พิจารณาเห็นจิตในจิตเนือง ๆ อยู่,
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายเนือง ๆ อยู่;
มีความเพียรเผากิเลส มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.

อานนท์ ! ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่า
มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่.
อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี 
ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี 
ใครก็ตามจักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ 
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ; 
มีธรรมเป็นประทีป  มีธรรมเป็นสรณะ 
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่.
อานนท์ ! ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา,
ภิกษุพวกนั้น จักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุด.
มหาวาร .สํ. ๑๙/๒๑๖/๗๓๖.
_____________________________
ตรัสแก่ท่านพระอานนท์ ผู้เศร้าสลดในข่าวการปรินิพพานของท่านพระสารีบุตร
ซึ่งจุนทสามเณรนำมาบอกเล่า ที่พระอารามเชตวันใกล้นครสาวัตถี.

พุทธวจน ก้าวย่างอย่างพุทธะ

พุทธวจน ก้าวย่างอย่างพุทธะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น