วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิตไม่​ควรเสพ คือ
การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุข​ในกามทั้งหลาย ๑
การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตน​ เป็นความลำบาก ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้​น
นั่นตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญ​ญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน...

ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑
เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ
ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์
ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที​่รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก​็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เ​ป็นทุกข์ โดยย่นย่อ คือ "อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์"

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขสมุทัยอริยสัจ คือ
ตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจค​วามเพลิน
มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธอริยสัจ คือ
ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรคคือวิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิ​ปทาอริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑
เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑

มหาวิ.วิ. ๔/๑๕/๑๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น