อีกอย่างนี้ว่า
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! พวกท่านจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน สมัยใด พวกท่านมีความพยายาม
แรงกล้า มีความเพียรแรงกล้า สมัยนั้น พวกท่านย่อม
เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความ
พยายามแรงกล้า แต่สมัยใด พวกท่านไม่มีความความ
พยายามแรงกล้า ไม่มีความเพียรแรงกล้า สมัยนั้น
พวกท่านย่อมไม่เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ
อันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า.
พวกนิครนถ์รับว่า
“พระโคดมผู้มีอายุ ! สมัยใด พวกข้าพเจ้ามีความ
พยายามแรงกล้า มีความเพียรแรงกล้า สมัยนั้น พวกข้าพเจ้า
ย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความ
พยายามแรงกล้า สมัยใด พวกข้าพเจ้าไม่มี ความพยายามแรงกล้า สมัยนั้น พวกข้าพเจ้าย่อมไม่เสวยเวทนา อันเป็น
ทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า”.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! เท่าที่พูดกันมานี้เป็น
อันว่า สมัยใด พวกท่านมีความพยายามแรงกล้า มีความ
เพียรแรงกล้า สมัยนั้น พวกท่านย่อมเสวยเวทนาอันเป็น
ทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า แต่
สมัยใด พวกท่านไม่มีความพยายามแรงกล้า ไม่มีความ
เพียรแรงกล้า สมัยนั้น พวกท่านย่อมไม่เสวยเวทนา
อันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความพยายาม
แรงกล้า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่เป็นการสมควรแก่ท่านผู้เป็น
นิครนถ์ทั้งหลายที่จะกล่าวว่า บุคคลเรานี้ย่อมเสวยเวทนา
อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์
มิใช่สุขก็ดี ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำ
ไว้ในกาลก่อน และว่าเพราะหมดกรรมเก่าด้วยตบะ
และเพราะการไม่ทำกรรมใหม่ กระแสแห่งกรรมต่อไปก็
ไม่มี เพราะกระแสแห่งกรรมต่อไปไม่มี ก็สิ้นทุกข์
เพราะสิ้นทุกข์ ก็สิ้นเวทนา เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้ง
ปวงก็สูญสิ้นไป ดังนี้.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! ถ้าสมัยใด พวกท่านมี
ความพยายามแรงกล้า มีความเพียรแรงกล้าสมัยนั้น
เวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความเพียร
พยายามนั้นก็ยังตั้งอยู่ แม้เมื่อใด พวกท่านไม่มีความ
พยายามแรงกล้า ไม่มีความเพียรแรงกล้า สมัยนั้น
เวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความพยายาม
พึงหยุดได้เอง เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนิครนถ์ผู้มีอายุก็ควร
กล่าวได้ว่า บุคคลเรานี้ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี ทั้งหมด
นั้นเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ในกาลก่อน หมด
กรรมเก่าด้วยตบะ และเพราะการไม่ทำกรรมใหม่
กระแสแห่งกรรมต่อไปก็ไม่มี เพราะกระแสแห่งกรรม
ต่อไปไม่มี ก็สิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรม ก็สิ้นทุกข์
เพราะสิ้นทุกข์ ก็สิ้นเวทนา เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวง
ก็สูญสิ้นไป ดังนี้.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! ก็เพราะเหตุที่ สมัยใด
พวกท่านมีความพยายามแรงกล้า มีความเพียรแรงกล้า
สมัยนั้น พวกท่านจึงเสวยเวทนา อันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบ อันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า แต่สมัยใด พวก
ท่านไม่มีความพยายามแรงกล้า ไม่มีความเพียรแรงกล้า
สมัยนั้น พวกท่านจึงไม่เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บ
แสบ อันเกิดแต่ความพยายามแรงกล้า พวกท่านนั้น
เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อันเกิดแต่ความ
เพียรเองทีเดียว ย่อมเชื่อผิดไป เพราะอวิชชา คือความ
ไม่รู้ เพราะความหลงว่า บุคคลเรานี้ย่อมเสวยเวทนา
อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์
มิใช่สุขก็ดี ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่ตน
ทำไว้ในกาลก่อน ทั้งนี้ และว่าเพราะหมดกรรมเก่าด้วย
ตบะ และเพราะไม่ทำกรรมใหม่ กระแสแห่งกรรม
ต่อไปก็ไม่มี เพราะกระแสแห่งกรรมต่อไปไม่มี ก็สิ้น
กรรม เพราะสิ้นกรรม ก็สิ้นทุกข์ เพราะสิ้นทุกข์ ก็สิ้น
เวทนา เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวงก็สูญสิ้นไป ดังนี้.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เรามีถ้อยคำและความเห็นแม้อย่างนี้
แล จึงไม่เล็งเห็นการโต้ตอบ ถ้อยคำและความเห็นอัน
ชอบด้วยเหตุอะไรๆ ในพวกนิครนถ์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เรากล่าวกะพวกนิครนถ์นั้นต่อไปอีกอย่างนี้ว่า
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! พวกท่านจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน พวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า
กรรมใดเป็นของให้ผลในปัจจุบัน ขอกรรมนั้นจงเป็น
ของให้ผลในอนาคต ด้วยความพยายาม หรือด้วยความ
เพียรเถิด.
พวกนิครนถ์นั้นกล่าวว่า
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า
กรรมใดเป็นของให้ผลในอนาคต ขอกรรมนั้นจงเป็น
ของให้ผลในปัจจุบัน ด้วยความพยายามหรือด้วยความ
เพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! พวกท่านจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน พวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า
กรรมใดเป็นของให้ผลเป็นสุข ขอกรรมนั้น จงเป็นของ
ให้ผลเป็นทุกข์ ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่ากรรม
ใดเป็นของให้ผลเป็นทุกข์ ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผล
เป็นสุข ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! พวกท่านจะสำคัญ
ความ ข้อนั้นเป็นไฉน พวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้
หรือว่า กรรมใดเป็นของให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว ขอกรรม
นั้นอย่าพึงให้ผลเสร็จสิ้น ด้วยความพยายามหรือด้วย
ความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า กรรม
ใดเป็นของให้ผลยังไม่เสร็จสิ้น ขอกรรมนั้นจงเป็นของ
ให้ผลเสร็จสิ้น ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! พวกท่านจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน พวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า
กรรมใดเป็นของให้ผลมาก ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผล
น้อย ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า กรรม
ใดเป็นของให้ผลน้อย ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลมาก
ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! พวกท่านจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน พวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า
กรรมใดเป็นของให้ผล ขอกรรมนั้นจงเป็นของอย่าให้ผล
ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า กรรม
ใดเป็นของไม่ให้ผล ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผล ด้วย
ความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด.
ท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย.
ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ทั้งหลาย. ! เท่าที่พูดกันมานี้เป็นอัน
ว่า พวกท่านจะพึงปรารถนาไม่ได้ ดังนี้ว่า กรรมใดเป็น
ของให้ผลในปัจจุบัน ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลใน
อนาคต ... ว่ากรรมใดเป็นของให้ผลในอนาคต ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลในปัจจุบัน ... ว่ากรรมใดเป็น
ของให้ผลเป็นสุข ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลเป็นทุกข์ ...
ว่ากรรมใดเป็นของให้ผลเป็นทุกข์ ขอกรรมนั้นจงเป็นของ
ให้ผลเป็นสุข ... ว่ากรรมใดเป็นของให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว
ขอกรรมนั้นอย่าพึงให้ผลเสร็จ ... ว่ากรรมใดเป็นของให้ผล
ยังไม่เสร็จสิ้น ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผลเสร็จสิ้น ...
ว่ากรรมใดเป็นของให้ผลมาก ขอกรรมนั้นจงเป็นของ
ให้ผลน้อย ... ว่ากรรมใดเป็นของให้ผลน้อย ขอกรรม
นั้นจงเป็นของให้ผลมาก ... ว่ากรรมใดเป็นของให้ผล
ขอกรรมนั้นจงเป็นของอย่าให้ผล ... ว่ากรรมใดเป็น
ของไม่ให้ผล ขอกรรมนั้นจงเป็นของให้ผล ด้วยความ
พยายามหรือด้วยความเพียรเถิด เมื่อเป็นเช่นนี้ ความ
พยายามของพวกนิครนถ์ผู้มีอายุก็ไร้ผล ความเพียรก็
ไร้ผล.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! พวกนิครนถ์มีถ้อยคำ และความเห็น
อย่างนี้ การกล่าวก่อนและการกล่าวตาม ๑๐ ประการ
อันชอบด้วยเหตุของพวกนิครนถ์ ผู้มีถ้อยคำและความ
เห็นอย่างนี้ย่อมถึงฐานะน่าตำหนิ .
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์
เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ในก่อน พวกนิครนถ์ต้อง
เป็นผู้ทำกรรมชั่วไว้ก่อนแน่ ในบัดนี้พวกเขาจึงได้เสวย
เวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบเห็นปานนี้ ถ้าหมู่สัตว์
ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุที่อิศวรเนรมิตให้ พวก
นิครนถ์ต้องเป็นผู้ถูกอิศวรชั้นเลวเนรมิตมาแน่ ในบัดนี้
พวกเขาจึงได้เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ เห็น
ปานนี้ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุที่มี
ความบังเอิญ พวกนิครนถ์ต้องเป็นผู้มีความบังเอิญชั่วแน่
ในบัดนี้ พวกเขาจึงได้เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บ
แสบเห็นปานนี้ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะ
เหตุแห่งอภิชาติ พวกนิครนถ์ต้องเป็นผู้มีอภิชาติเลวแน่
ในบัดนี้ พวกเขาจึงได้เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บ
แสบเห็นปานนี้ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะ
เหตุแห่งความพยายามในปัจจุบัน พวกนิครนถ์ต้องเป็น
ผู้มีความพยายามในปัจจุบันเลวแน่ ในบัดนี้ พวกเขาจึงได้
เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบเห็นปานนี้.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์
เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ในก่อน พวกนิครนถ์ต้อง
น่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ไม่ได้เสวยสุขและทุกข์เพราะเหตุ
แห่งกรรมที่ตนทำไว้ในก่อน พวกนิครนถ์ก็ต้องน่าตำหนิ
ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุที่อิศวรเนรมิต
ให้ พวกนิครนถ์ต้องน่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ไม่ได้เสวยสุข
และทุกข์ เพราะเหตุที่อิศวรเนรมิตให้ พวกนิครนถ์ก็ต้อง
น่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุที่มี
ความบังเอิญ พวกนิครนถ์ต้องน่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ไม่ได้
เสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุที่มีความบังเอิญ พวก
นิครนถ์ก็ต้องน่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์
เพราะเหตุแห่งอภิชาติ พวกนิครนถ์ต้องน่าตำหนิ ถ้าหมู่
สัตว์ไม่ได้เสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุแห่งอภิชาติ พวก
นิครนถ์ก็ต้องน่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์
เพราะเหตุแห่งความพยายามในปัจจุบัน พวกนิครนถ์ต้อง
น่าตำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ไม่ได้เสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุ
แห่งความพยายามในปัจจุบัน พวกนิครนถ์ก็ต้องน่าตำหนิ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! พวกนิครนถ์มีถ้อยคำ และความเห็น
อย่างนี้ การกล่าวก่อนและการกล่าวตาม ๑๐ ประการ
อันชอบด้วยเหตุของพวกนิครนถ์ ผู้มีถ้อยคำและความเห็น
อย่างนี้ ย่อมถึงฐานะน่าตำหนิ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ความพยายามไร้ผล ความเพียรไร้
ผล อย่างนี้แล.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ก็อย่างไร ความพยายามจึงจะมีผล
ความเพียรจึงจะมีผล.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ทับถม ๑
ไม่สละความสุขที่เกิดโดยธรรม ๑
ไม่เป็นผู้หมกมุ่นในความสุขนั้น ๑
เธอย่อมทราบชัดอย่างนี้ว่า ถึงเรานี้จักยังมีเหตุ
แห่งทุกข์ เมื่อเริ่มตั้งความเพียร วิราคะย่อมมีได้ อนึ่ง
ถึงเรานี้จะยังมีเหตุแห่งทุกข์ เมื่อวางเฉย บำเพ็ญอุเบกขา
อยู่ วิราคะก็ย่อมมีได้ เธอนั้นจึงเริ่มตั้งความเพียร และ
บำเพ็ญอุเบกขาอยู่ ด้วยการทำเช่นนี้ ทุกข์นั้นก็เป็นอัน
เธอสลัดได้แล้ว.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อีกประการหนึ่ง ภิกษุพิจารณาเห็น
ดังนี้ว่า :-
เมื่อเราอยู่ตามสบาย อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
กุศลธรรมย่อมเสื่อม
แต่เมื่อเราดำรงตนอยู่ในความลำบาก อกุศลธรรม
ย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
อย่ากระนั้นเลย เราพึงดำรงตนอยู่ในความลำบาก
เถิด เธอนั้นจึงดำรงตนอยู่ในความลำบาก เมื่อเธอดำรง
ตนอยู่ในความลำบากอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศล
ธรรมย่อมเจริญยิ่ง สมัยต่อมา เธอไม่ต้องดำรงตนอยู่ใน
ความลำบากอีก เพราะเหตุว่า ประโยชน์ที่เธอหวังนั้น
สำเร็จแล้วตามที่เธอประสงค์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ความพยายามมีผล ความเพียรมีผลแม้อย่างนี้.
อุปริ. ม. ๑๔/ ๗ / ๘.
มีความหมายสำคัญยิ่ง ควรทีี่จะหยั่งรู้สัจจะธรรมอันนี้ไว้แล้วทำการแก้กรรมให้ได้ในชาตินี้
ตอบลบสาธุๆๆ..
ตอบลบ