เป็นที่รู้กันว่าเป็น อสัตบุรุษ. ๔ ประการ อย่างไรเล่า ?
๔ ประการ คือ :-
(๑) ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อสัตบุรุษในกรณีนี้ แม้ไม่มีใคร
ถามถึงความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็นำมาเปิดเผยให้ปรากฏ
ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึง
ความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่มีทาง
หลีกเลี้ยวลดหย่อน แล้วกล่าวความไม่ดีของผู้อื่นอย่างเต็มที่
โดยพิสดาร.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ.
(๒) ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ
แม้ถูกใครถามอยู่ถึงความดีของบุคคลอื่น ก็ไม่เปิดเผย
ให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม; ก็เมื่อถูก
ใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้
ลดหย่อนไขว้เขว แล้วกล่าวความดีของผู้อื่นอย่างไม่พิสดาร
เต็มที่.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ.
(๓) ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ
แม้ถูกใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็ปกปิดไม่เปิดเผย
ให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใคร
ถามถึงความไม่ดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ลดหย่อน
ไขว้เขว แล้วกล่าวความไม่ดีของตนอย่างไม่พิสดารเต็มที่.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ.
(๔) ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ
แม้ไม่มีใครถามถึงความดีของตน ก็นำมาโอ้อวดเปิดเผย
จะกล่าวทำไมถึงเมื่อถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความดี
ของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่ลดหย่อนหลีกเลี้ยว
กล่าวความดีของตนอย่างเต็มที่โดยพิสดาร.
ภิกษุ ทั้งหลาย. !ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ
เหล่านี้แล เป็นที่รู้กันว่าเป็นอสัตบุรุษ.
จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๐๐/๗๓.
สาธุๆๆครับ
ตอบลบ